เพิ่มโอกาสในการขายระบบโซลาร์เซลล์สำหรับบ้านและเชิงพาณิชย์ด้วย SolarEdge

แม้เจ้าของบ้านมักจะให้ความสำคัญกับแผงโซลาร์เซลล์เป็นอันดับแรกเนื่องจากเป็นส่วนที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด แต่แท้จริงแล้ว ตัวตัดสินใจสำคัญกลับอยู่ที่การเลือกอินเวอร์เตอร์ การเลือกอินเวอร์เตอร์นั้นสำคัญและส่งผลต่อปริมาณการผลิตพลังงาน, ดีไซน์ระบบ, ความปลอดภัย, ผลตอบแทนการลงทุน (ROI), ระบบมอนิตอริ่ง, และปัจจัยสำคัญอื่น ๆ By selecting a การเลือกใช้อินเวอร์เตอร์ SolarEdge ที่มีเทคโนโลยีระบบติดตามจุดกำลังไฟฟ้าสูงสุด (Maximum Power Point Tracking หรือ MPPT – อ่านต่อที่นี่) จะช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตพลังงาน, เพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบเพื่อติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ได้มากขึ้นบนหลังคา, ยกระดับความปลอดภัย, และระบบมอนิตอริ่งที่มีประสิทธิภาพสูง มันจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจของคุณได้อย่างไร? ด้วยความยืดหยุ่นในการออกแบบที่มากขึ้น คุณสามารถเสนอขายระบบขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งหมายถึงรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้า (Average Sales Price หรือ ASP) ที่สูงขึ้น อีกทั้งการเสนอระบบโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ยังช่วยให้คุณชนะการประมูลได้ง่ายขึ้น สำหรับเจ้าของบ้าน ยิ่งระบบโซลาร์เซลล์มีขนาดใหญ่และผลิตพลังงานได้มากเท่าไร ยิ่งคืนทุนได้เร็วเท่านั้น

ความปลอดภัยที่เหนือชั้น ซึ่งติดตั้งมาในระบบ SolarEdge ทุกระบบ ยังช่วยเพิ่มยอดขายโซลาร์เซลล์สำหรับที่อยู่อาศัยได้อีกด้วย เนื่องจากมาตรฐานความปลอดภัยของระบบโซลาร์เซลล์เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้นทุนในการติดตั้งฟีเจอร์ความปลอดภัยมีราคาสูง แต่ระบบ SolarEdge มีฟีเจอร์ความปลอดภัยเหล่านี้ติดตั้งมาในตัว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณหรือเจ้าของบ้าน สิ่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้คุณเหนือกว่าคู่แข่ง

อีกวิธีหนึ่งในการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้า (Average Sales Price หรือ ASP) คือ การเสนอขายมากกว่าแค่ระบบโซลาร์เซลล์ (PV) เจ้าของบ้านสามารถดึงประโยชน์เพิ่มเติมจากการลงทุน โดยการเพิ่มแบตเตอรี่สำรอง, เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า, หรืออุปกรณ์พลังงานอัจฉริยะอื่น ๆ เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานที่ผลิตเอง และตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขา ระบบพลังงานอัจฉริยะครบวงจรสำหรับบ้านของ SolarEdge สามารถขยายเพื่อเพิ่มฟังก์ชันอัจฉริยะเพิ่มเติมได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ช่วยให้คุณมีโอกาสเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อการขายมากขึ้น

อีกวิธีในการเปลี่ยนโอกาสทางธุรกิจให้กลายเป็นยอดขายจริงคือการติดตั้งมิเตอร์วัดพลังงาน ให้กับลูกค้า แม้ว่าจะยังไม่ได้ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ก็ตาม มิเตอร์นี้จะช่วยให้ลูกค้าทั้งเชิงพาณิชย์และที่พักอาศัย สามารถติดตามปริมาณการใช้พลังงานภายในบ้านของตนเอง ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาประมาณการประหยัดค่าไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นเมื่อติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์, แบตเตอรี่สำรอง, หรืออุปกรณ์พลังงานอัจฉริยะในอนาคต